Contents
การเชื่อมโยงข้อมูลในกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน ISA-95: การประสานงานระหว่าง ERP และ MES
ในยุคที่การผลิตในโรงงานมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การเชื่อมโยงข้อมูลและการสื่อสารระหว่างระบบต่างๆ ในกระบวนการผลิตเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง หนึ่งในมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในวงการคือ ISA-95 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ช่วยให้การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบบริหารจัดการองค์กร (ERP Domain) และระบบบริหารจัดการการผลิต (MES ,Manufacturing Execution System) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ISA-95 แบ่งกระบวนการผลิตออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ระดับ 0 ถึงระดับ 4 โดยบทความนี้จะเน้นที่การเชื่อมโยงข้อมูลในระดับชั้นที่ 4 (ERP Domain) และระดับชั้นที่ 3 (Control Domain) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการประสานงานระหว่างการวางแผนธุรกิจและการจัดการด้านโลจิสติกส์ กับการจัดการการดำเนินงานการผลิต
ข้อมูลที่ใช้ในการประสานงานระหว่าง ERP และ MES
- ข้อมูลความสามารถในการผลิต (Production Capability Information)ข้อมูลความสามารถในการผลิตเป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงขีดความสามารถในการผลิตของโรงงาน ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักร อุปกรณ์ และกำลังการผลิตของแรงงาน ข้อมูลนี้จะถูกใช้ในการวางแผนและปรับปรุงการผลิต เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อมูลการกำหนดการผลิต (Production Definition Information)ข้อมูลการกำหนดการผลิตเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและการกำหนดขั้นตอนการผลิต เช่น สูตรการผลิต (Bill of Materials: BOM) กระบวนการผลิต (Routing) และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลนี้จะถูกส่งต่อไปยังระบบ ERP เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
- ข้อมูลตารางการผลิต (Production Schedule Information)ข้อมูลตารางการผลิตเป็นข้อมูลที่แสดงถึงแผนการผลิตในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งรวมถึงการกำหนดเวลาที่จะใช้ในการผลิต วัตถุดิบที่ต้องใช้ และกำลังการผลิตที่ต้องการ ข้อมูลนี้จะถูกส่งจากระบบ ERP ไปยังระบบ MES เพื่อให้การผลิตเป็นไปตามแผนที่วางไว้
- ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิต (Production Performance Information)ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตเป็นข้อมูลที่ใช้ในการวัดและประเมินผลการผลิตจริง เช่น ปริมาณการผลิตที่ได้ อัตราการผลิตที่สำเร็จ และเวลาที่ใช้ในการผลิต ข้อมูลนี้จะถูกส่งกลับไปยังระบบ ERP เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง ERP และ MES
การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง ERP และ MES มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต โดยการใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพและแม่นยำ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ
การประสานงานผ่านข้อมูลความสามารถในการผลิต
การเชื่อมโยงข้อมูลความสามารถในการผลิตช่วยให้ระบบ ERP สามารถรับรู้ถึงขีดความสามารถของโรงงาน และนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการวางแผนการผลิตที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและการผลิตที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ
การประสานงานผ่านข้อมูลการกำหนดการผลิต
ข้อมูลการกำหนดการผลิตช่วยให้ระบบ MES สามารถรับรู้ถึงขั้นตอนการผลิตและสูตรการผลิตที่ต้องใช้ในการผลิตสินค้า ซึ่งช่วยให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการขาดข้อมูลที่ถูกต้อง
การประสานงานผ่านข้อมูลตารางการผลิต
การเชื่อมโยงข้อมูลตารางการผลิตช่วยให้ระบบ MES สามารถรับรู้ถึงแผนการผลิตและจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและการผลิตที่ล่าช้า
การประสานงานผ่านข้อมูลประสิทธิภาพการผลิต
การเชื่อมโยงข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตช่วยให้ระบบ ERP สามารถรับรู้ถึงผลการผลิตจริง และนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต
ประโยชน์ของการเชื่อมโยงข้อมูลในกระบวนการผลิต
-
- การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง ERP และ MES ช่วยให้การผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียและเพิ่มผลผลิต
- การลดต้นทุนการผลิตการเชื่อมโยงข้อมูลช่วยให้การวางแผนการผลิตเป็นไปอย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียวัตถุดิบและพลังงาน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก
- การเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิตการเชื่อมโยงข้อมูลช่วยให้โรงงานสามารถปรับเปลี่ยนการผลิตตามความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาด
- การปรับปรุงคุณภาพการผลิตการเชื่อมโยงข้อมูลช่วยให้การควบคุมคุณภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาดในการผลิตและเพิ่มคุณภาพของสินค้า
สรุป
การเชื่อมโยงข้อมูลในกระบวนการผลิตตามมาตรฐาน ISA-95 ระหว่าง ERP และ MES เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต ข้อมูลที่ใช้ในการประสานงาน เช่น ข้อมูลความสามารถในการผลิต ข้อมูลการกำหนดการผลิต ข้อมูลตารางการผลิต และข้อมูลประสิทธิภาพการผลิต ช่วยให้การวางแผนและการจัดการการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพและความยืดหยุ่นในการผลิต และช่วยให้โรงงานสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Ref : พื้นฐานทางการวัดและควบคุมสำหรับกระบวนการอัตโนมัติ , รศ.ดร.ธีรวัตฒน์ เทพมณี (2563)