Contents
- 1 การบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วย 8 เสาหลักของ TPM และวิธีนำเทคโนโลยีมาใช้ที่คุณอาจไม่เคยรู้
- 1.1 ความสำคัญของเครื่องจักรในอุตสาหกรรมการผลิต
- 1.2 การบำรุงรักษาเครื่องจักรที่ดี
- 1.3 ความหมายและวัตถุประสงค์ของ Total Productive Maintenance (TPM)
- 1.4 8 เสาหลักที่เป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อน TPM
- 1.5 การประยุกต์ใช้ Wireless Vibration Sensor
- 1.6 ชุดอุปกรณ์ตรวจวัด Condition Monitoring ของทาง Murata
- 1.7 เซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร (Vibration Sensor) ของทาง Murata
- 1.8 สรุป
การบำรุงรักษาเครื่องจักรด้วย 8 เสาหลักของ TPM และวิธีนำเทคโนโลยีมาใช้ที่คุณอาจไม่เคยรู้
ความสำคัญของเครื่องจักรในอุตสาหกรรมการผลิต
เครื่องจักรเป็นปัจจัยหลักที่เปลี่ยนวัตถุดิบให้กลายเป็นสินค้าที่มีค่า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การออกแบบและการใช้งานเครื่องจักรก็ได้รับการพัฒนาให้มีความซับซ้อนและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว การรักษาและการบำรุงรักษาเครื่องจักรจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาประสิทธิภาพการผลิต
การบำรุงรักษาเครื่องจักรที่ดี
การบำรุงรักษาเครื่องจักรเป็นหลักสำคัญในการรักษาความเข้มแข็งของกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมการผลิต โดยไม่เพียงแต่เน้นที่การซ่อมแซมเมื่อเกิดความเสียหาย แต่ยังรวมถึงการป้องกันการเสื่อมสภาพและรักษาสภาพให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Wireless Vibration Sensor ในการตรวจสอบสถานะและการทำงานของเครื่องจักรช่วยให้สามารถทำนายและป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น สนับสนุนแนวทาง Total Productive Maintenance (TPM) ที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกคนในองค์กรและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพนี้ไม่เพียงแต่ลดเวลาหยุดทำงานและยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร แต่ยังเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง
ความหมายและวัตถุประสงค์ของ Total Productive Maintenance (TPM)
Total Productive Maintenance (TPM) คือระบบการบำรุงรักษาที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันความผิดพลาดในกระบวนการผลิต ลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ วัตถุประสงค์หลักของ TPM คือการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการมีส่วนร่วมของทุกคนจากผู้บริหารจนถึงพนักงาน ผ่านการฝึกอบรม การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม
8 เสาหลักที่เป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อน TPM
การบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (Total Productive Maintenance – TPM) เป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการบำรุงรักษาเครื่องจักรในสภาพที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโรงงาน โดยมี 8 เสาหลักที่เป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อน TPM ให้บรรลุผลสำเร็จ ดังนี้
- การปรับปรุงเฉพาะเรื่อง (Individual Improvement): ส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมในการหาวิธีปรับปรุงเครื่องจักร ปรับปรุงกระบวนการ และปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสีย อีกทั้งการปรับปรุงนี้รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะที่ส่งผลต่อการผลิต
- การบำรุงรักษาด้วยตนเอง (Autonomous Maintenance): ผลักดันให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานเข้าใจและรับผิดชอบต่อการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่พวกเขาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ การทำความสะอาด การเติมสารหล่อลื่น หรือแม้แต่การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ
- การบำรุงรักษาตามแผน (Planned Maintenance): การวางแผนการบำรุงรักษาล่วงหน้าเพื่อลดการหยุดการทำงานของเครื่องจักรอย่างกระทันหัน การบำรุงรักษานี้รวมถึงการกำหนดตารางเวลาสำหรับการตรวจสอบและการบำรุงรักษาเป็นประจำ
- การศึกษาและฝึกอบรม (Education and Training): การพัฒนาทักษะและความรู้ของพนักงานเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและการปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อให้พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาและปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การควบคุมดูแลขั้นต้น (Early Management): เน้นการมีส่วนร่วมของทีมงานตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบเครื่องจักรและกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถคำนึงถึงการบำรุงรักษาและประสิทธิภาพการผลิตตั้งแต่เริ่มแรก
- การบำรุงรักษาเพื่อคุณภาพ (Quality Maintenance): มุ่งเน้นการปรับปรุงกระบวนการและเครื่องจักรเพื่อลดความผิดพลาดในการผลิต สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีการรักษามาตรฐานเป็นอย่างดี
- ฝ่ายบริหารที่ตระหนักถึงประสิทธิภาพการผลิต (Office TPM): ขยายหลักการของ TPM ไปยังส่วนงานสำนักงาน โดยมุ่งเน้นการลดเวลาในการดำเนินงานและการปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเพื่อสนับสนุนการผลิต
- ความปลอดภัย และ สิ่งแวดล้อม (Safety and Environment): ส่งเสริมการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะอาด ลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุและการปนเปื้อน และปกป้องสิ่งแวดล้อม
TPM ไม่เพียงแต่เน้นการบำรุงรักษาเครื่องจักรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงกระบวนการ การพัฒนาบุคลากร และการสร้างวัฒนธรรมที่ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ 8 เสาหลักนี้เป็นรากฐาน TPM ช่วยให้องค์กรสามารถลดของเสีย เพิ่มคุณภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างมีประสิทธิผล
การประยุกต์ใช้ Wireless Vibration Sensor
การนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบไร้สายมาใช้ในการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรมผลิตเป็นการปรับปรุงกระบวนการบำรุงรักษาให้สอดคล้องกับหลัก Total Productive Maintenance (TPM) ที่ยกระดับความสามารถในการตรวจจับและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที วางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ และค้นหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างแม่นยำ เซ็นเซอร์ช่วยให้การตรวจสอบเครื่องจักรเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการใช้แรงงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบด้วยการส่งข้อมูลที่แม่นยำและรวดเร็วกลับไปยังฐานข้อมูล การใช้เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยและความเสถียรของเครื่องจักรเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาที่ใช้ในการบำรุงรักษาอีกด้วย
ชุดอุปกรณ์ตรวจวัด Condition Monitoring ของทาง Murata
โดยทั่วไปโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรประเภท Rotary Machine เช่น ชุดมอเตอร์ขับ ชุดปั้มต่างๆ ผู้ปฏิบัติงานดูแลเครื่องจักรก็จะมีการตรวจสอบค่าความสั่นสะเทือนของเครื่องจักร และทำการจดบันทึกลงแบบฟอร์ม หรือนำค่าที่วัดได้นั้นไปเปรียบเทียบในตารางขอบเขตของค่าความสั่นสะเทือนของเครื่องจักรตามขนาดกำลังวัตต์ เพื่อบ่งบอกสภาพว่าเครื่องจักรปกติหรือเข้าสู่สภาวะเสี่ยง ถ้าเกินค่าในตาราง (อ้างอิง ISO 10816-3) หรือค่าที่เราตั้งไว้ ก็ให้ช่างเข้าทำการตรวจสอบและแก้ไข ก่อนที่เกิดความเสียหายแก่เครื่องจักร ซึ่งใช้เวลาพอสมควรในการเก็บข้อมูลในแต่ละเครื่องจักร รวมไปถึงบางหน้างานอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพนักงานที่เข้าไปเก็บข้อมูลด้วย
ภาพ : แผนผังการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์และเซ็นเซอร์ตรวจวัด
แต่ชุดอุปกรณ์ตรวจวัด Condition Monitoring ของทาง Murata ช่วยให้การวางแผนบำรุงรักษาเครื่องจักรภายในโรงงานของเราง่าย สะดวก และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีของเซ็นเซอร์วัดค่าความสั่นสะเทือนไร้สาย (Wireless Vibration Sensor) และขนาดของเซ็นเซอร์ที่เล็ก ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ไร้สาย ทำให้ติดตั้งง่าย เชื่อมต่อผ่านระบบไร้สายคลื่นความถี่วิทยุ 920 MHz ช่วยให้งานวิเคราะห์ความพร้อมใช้งานของเครื่องจักรทำได้ทันที หรือแม้แต่การแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติให้ทราบเพื่อเร่งดำเนินการแก้ไข ก่อนที่เครื่องจักรของเราจะได้รับความเสียหายรุนแรง
เซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร (Vibration Sensor) ของทาง Murata
เซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนของเครื่องจักร (Vibration Sensor) ของทาง Murata นั้นมีด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งทั้งสองรุ่นนั้นจะวัดได้ทั้ง ค่าความสั่นสะเทือน และ อุณหภูมิพื้นผิว โดยที่จะมีรายละเอียดการวัดค่าความสั่นสะเทือนต่างกันดังนี้
- รุ่น 1LZ ที่จะสามารถวัดได้เฉพาะค่าความเร่ง (Acceleration) เท่านั้น ซึ่ง Acceleration model Acceleration model สามารถวัดได้เฉพาะค่าความเร่ง (Acceleration) ซึ่งจะเหมาะกับวัดความสั่นสะเทือนตั้งแต่ย่าน 12.5 ถึง 10,000 Hz
- รุ่น 1TF สามารถวัดได้ทั้งค่าความเร่ง (Acceleration) และ ค่าความเร็ว (Velocity) ซึ่ง Velocity model จะเหมาะกับการวัดความสั่นสะเทือนตั้งแต่ย่าน 10 ไปจนถึง 10,000 Hz โดยสามารถวัดได้ทั้งค่าความเร่ง (Acceleration) ในย่าน 10 ถึง 10,000Hz และ ค่าความเร็ว (Velocity) ในย่าน 10 ถึง 1,000Hz อีกทั้งยังนำค่าความเร็วไปตรวจกับตาราง ISO 10816 เพื่อพอที่จะรู้ได้ว่าเครื่องจักรอยู่ในเกณฑ์สุขภาพอย่างไรบ้าง
เซนเซอร์ตรวจวัดค่าความสั่นสะเทือนของทาง Murata นี้เอง ยังสามารถตรวจจับความถี่ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาของ Bearing ที่เป็นจำพวก Rolling (element) bearing, ปัญหาด้าน Gear (Gear Mesh Frequency; GMF), Unbalance, Mis-Alignment และ Looseness ได้อีกด้วย
สรุป
ในอุตสาหกรรมการผลิต, เครื่องจักรมีบทบาทสำคัญเป็นหัวใจของกระบวนการผลิต ทำให้การบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างมีประสิทธิภาพผ่านหลักการของ Total Productive Maintenance (TPM) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์ การประยุกต์ใช้ Wireless Vibration Sensor ในกระบวนการ TPM ช่วยให้การตรวจจับและวิเคราะห์การสั่นสะเทือนของเครื่องจักรเป็นไปอย่างแม่นยำและทันท่วงที สนับสนุนการบำรุงรักษาด้วยตนเอง การบำรุงรักษาตามแผน และการบำรุงรักษาเพื่อคุณภาพ นำไปสู่การลดเวลาหยุดทำงานและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกด้านของการผลิต ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีนี้เข้ากับ 8 เสาหลักของ TPM องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ยืดอายุการใช้งานเครื่องจัก, และสร้างค่าความเป็นเลิศในการผลิตได้อย่างยั่งยืน
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คุณเดชไชยนันท์ สอนโกษา (ทิว)
วิศวกรฝ่ายขาย
โทร: 080-142-0057
อีเมล: dechaiyanun.sonkosa@murata.com
คุณรชธร เอกนิตยบุญ (ปุ้)
วิศวกรฝ่ายขาย
โทร: 081-132-4462
อีเมล: rachatorn.aeknitayabun@murata.com
Website: https://solution.murata.com/th-th/service/wireless-sensor/